Gynecomastia surgery

Gynecomastia surgery คืออะไร เหมาะสำหรับใครบ้าง?

วันที่ 30/07/2025

เชื่อว่าผู้ชายหลายคนต้องการรูปร่างในแบบที่ตัวเองต้องการ ทั้งนี้ก็เพราะว่าต้องการให้ร่างกายมีความแข็งแรง รวมถึงต้องการรูปลักษณ์ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่ปัญหาหนึ่งที่ผู้ชายหลายคนมีความกังวลนั่นก็คือเรื่องของ “เต้านม” เพราะบางคนอาจมีภาวะเนื้อเยื่อเต้านมโตผิดปกติ เหลือมีไขมันส่วนเกินบริเวณเต้านมเยอะเกินไป หรือออกกำลังกายก็แล้ว ลดน้ำหนักก็แล้ว หน้าอกก็ยังไม่ยุบตัว ซึ่งอาจสร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ชายได้ ในบทความนี้ เรา TopMedWorld จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Gynecomastia Surgery ว่าคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง มีกระบวนการอย่างไร ต้องดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างไร ผ่าตัดที่ไหนดีในประเทศไทย?

Gynecomastia Surgery คืออะไร

Gynecomastia Surgery คืออะไร

Gynecomastia Surgery คือการผ่าตัดเพื่อนำเนื้อเยื่อเต้านมของผู้ชายที่โตผิดปกติหรือมีขนาดใหญ่เกินไป ออก เพื่อให้หน้าอกมีความแบนราบ ดูสมส่วนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น และเป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ปัญหาเต้านมโตในผู้ชาย Gynecomastia ที่อาจมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น ฮอร์โมนไม่สมดุล พันธุกรรม การใช้ยาบางชนิด หรืออาจเกิดจากภาวะไขมันสะสมมากเกินไป อาการนี้จะทำให้เต้านมผู้ชายดูโตและแหลมยื่น และมีความคล้ายกับหน้าอกผู้หญิง การผ่าตัดนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ 

Gynecomastia Surgery เหมาะกับใครบ้าง

Gynecomastia Surgery เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีภาวะเต้านมโตและสำหรับผู้ที่มีภาวะอาการดังนี้

  • มีเนื้อเยื่อเต้านมที่โตผิดปกติ (True Gynecomastia): โดยเฉพาะผู้ที่มีต่อมเต้านมขนาดใหญ่หรือแข็ง ไม่ใช่แค่ไขมันสะสมเพียงอย่างเดียว
  • มีภาวะเต้านมโตจากไขมันส่วนเกินเป็นหลัก (Pseudogynecomastia): หากแพทย์ประเมินแล้วว่าหน้าอกโตจากการสะสมของไขมันเป็นส่วนใหญ่ การดูดไขมัน VASER Liposuction เพียงอย่างเดียวอาจเพียงพอ แต่หากมีเนื้อเยื่อต่อมน้ำนมร่วมด้วยก็อาจต้องผ่าตัดร่วม
  • ออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักแล้วหน้าอกไม่ยุบ: ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้วแต่หน้าอกยังคงมีขนาดใหญ่หรือดูไม่สมส่วน
  • รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง: ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการใส่เสื้อผ้า การทำกิจกรรมต่างๆ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
  • มีอาการเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณหน้าอก: เช่น มีอาการปวด บวม หรือหัวนมมีความไวต่อการสัมผัส
  • สุขภาพแข็งแรงดี: ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัด และมีความคาดหวังผลการผ่าตัดที่สมเหตุสมผล
  • ผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นดี: ในบางกรณีที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก อาจต้องมีการตกแต่งผิวหนังเพิ่มเติม
Gynecomastia Surgery มีกระบวนการอย่างไร

 

Gynecomastia Surgery มีกระบวนการอย่างไร

หากเป็นคนที่มีปัญหาเต้านมใหญ่ แหลม จนทำให้สูญเสียความมั่นใจในตนเองและอยากจะแก้ปัญหาเหล่านี้ การเข้าใจกระบวนการในด้านการผ่าตัด Gynecomastia Surgery นั้นจะเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งกระบวนการต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นดังนี้

1. การปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประเมินเบื้องต้น

·    การซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะซักประวัติสุขภาพโดยละเอียด สอบถามเกี่ยวกับอาการ ระยะเวลาที่เป็น สาเหตุที่สงสัย รวมถึงยาที่กำลังรับประทานอยู่ และประวัติโรคประจำตัวต่างๆ

·    การตรวจหน้าอก: แพทย์จะทำการตรวจประเมินขนาด รูปร่าง และความแน่นของเนื้อเยื่อเต้านม เพื่อแยกแยะว่าเกิดจากเนื้อเยื่อต่อมน้ำนม ไขมัน หรือทั้งสองอย่าง

·    การถ่ายภาพ: อาจมีการถ่ายภาพหน้าอกเพื่อใช้เปรียบเทียบผลหลังการผ่าตัด

·    การวินิจฉัยสาเหตุ: แพทย์อาจพิจารณาให้ตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน หรือการตรวจอื่นๆ เช่น อัลตราซาวด์เต้านม หรือแมมโมแกรม เพื่อยืนยันสาเหตุและคัดกรองความผิดปกติอื่นๆ เช่น มะเร็งเต้านมในผู้ชาย (ซึ่งพบได้น้อย)

·    การวางแผนการรักษา: แพทย์จะอธิบายถึงเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และตอบข้อสงสัยของผู้ป่วย

2. เตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

·    การงดยาบางชนิด: แพทย์จะแนะนำให้หยุดยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออก

·    การงดบุหรี่และแอลกอฮอล์: ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพราะอาจส่งผลต่อการหายของแผล

·    การเตรียมร่างกายให้พร้อม: ควรพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

·    การจัดการเรื่องการเดินทางและการพักฟื้น: เตรียมพร้อมเรื่องการเดินทางกลับบ้านหลังผ่าตัด และการดูแลตนเองในช่วงพักฟื้น

3. ขั้นตอนการผ่าตัด

โดยส่วนใหญ่แล้ว การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง อาจใช้ยาชาหรือยาสลบขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและเทคนิคของศัลยแพทย์ ขั้นตอนต่างๆ จะมีด้วยกันดังนี้

  • การดมยาสลบ/ยาชา (Anesthesia): แพทย์จะให้ยาชาเฉพาะที่ร่วมกับการให้ยานอนหลับ หรือทำการดมยาสลบ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายและไม่เจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด
  • การทำความสะอาดและออกแบบ (Preparation and Marking): แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณหน้าอก และอาจมีการวาดเส้นเพื่อกำหนดขอบเขตของการผ่าตัด
  • การเปิดแผล (Incision): ตำแหน่งและขนาดของแผลจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อเยื่อที่ต้องนำออก และเทคนิคที่ใช้ โดยทั่วไปแผลมักจะซ่อนอยู่บริเวณรอบปานนม (areola) หรือบริเวณรอยพับใต้เต้านม เพื่อให้มองเห็นรอยแผลเป็นได้น้อยที่สุด
  • การดูดไขมัน (Liposuction): หากภาวะเต้านมโตเกิดจากไขมันส่วนเกินเป็นหลัก หรือมีไขมันร่วมด้วย แพทย์จะใช้เทคนิคการดูดไขมัน โดยการสอดท่อขนาดเล็ก (cannula) เข้าไปใต้ผิวหนังผ่านแผลขนาดเล็ก จากนั้นจะทำการดูดไขมันส่วนเกินออก
  • การผ่าตัดนำเนื้อเยื่อต่อมน้ำนมออก (Excision): หากมีเนื้อเยื่อต่อมน้ำนมที่โตผิดปกติ แพทย์จะทำการผ่าตัดนำเนื้อเยื่อต่อมน้ำนมออกโดยตรงผ่านแผลที่เปิดไว้ เทคนิคนี้จำเป็นในกรณีที่มีเนื้อเยื่อเต้านมหนาแน่นมาก หรือจำเป็นต้องปรับตำแหน่ง/ขนาดของหัวนมและปานนมใหม่
  • การผสมผสาน (Combination): ในหลายๆ กรณี แพทย์มักจะใช้ทั้งสองเทคนิคร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการลดไขมันและการนำเนื้อเยื่อต่อมน้ำนมออก
  • การปรับแต่งรูปร่างหน้าอก (Contouring): แพทย์จะทำการปรับแต่งรูปร่างของหน้าอกให้เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติและมีความเป็นชายมากขึ้น
  • การเย็บปิดแผล (Closing Incisions): หลังจากนำเนื้อเยื่อออกและปรับแต่งรูปร่างหน้าอกแล้ว แพทย์จะเย็บปิดแผลด้วยไหมละลายหรือไม่ละลาย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และอาจมีการใส่สายระบายน้ำ (drain) ชั่วคราวเพื่อป้องกันการคั่งของเลือดและของเหลว

 

ต้องดูแลอย่างไรหลังผ่าตัด

·    การพันผ้าหรือสวมเสื้อกระชับ (Compression Garment): ผู้ป่วยจะถูกพันผ้าหรือสวมเสื้อกระชับ (compression garment) บริเวณหน้าอกทันทีหลังการผ่าตัด เพื่อช่วยลดอาการบวม ลดการเกิดเลือดคั่ง และช่วยให้หน้าอกเข้ารูป

·    การดูแลแผล: แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลแผล การทำความสะอาด และการเปลี่ยนผ้าพันแผล

·    การรับประทานยา: แพทย์จะสั่งยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะเพื่อลดอาการปวดและป้องกันการติดเชื้อ

·    การนัดติดตามผล: ผู้ป่วยจะต้องมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจแผล ถอดสายระบายน้ำ (ถ้ามี) และประเมินผลการผ่าตัด

·    การพักฟื้นและข้อควรปฏิบัติ: ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงบริเวณหน้าอกอย่างน้อย 3-6 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์

 

คลินิก Gynecomastia Surgery 

 

Gynecomastia surgery ในประเทศไทย เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ และการเลือกใช้บริการกับเรา Top Med World ท่านจะได้รับบริการกับผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ระดับมืออาชีพ พร้อมให้บริการตั้งแต่การรับที่สนามบิน การจองคิวผ่าตัด ไปจนถึงการดูแลหลังการผ่าตัด เพื่อประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้บริการ สามารถติดต่อเราได้โดยการคลิกที่นี่