ศัลยกรรมเสริมหน้าอก
การเสริมหน้าอก ที่ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการศัลยกรรมตกแต่งความงามคุณภาพสูง ในราคาที่เหมาะสม ที่คลินิกชั้นนำ ศัลยแพทย์ที่มีทักษะสูง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ประเทศไทยได้นำเสนอการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความเชี่ยวชาญและความคุ้มค่า หากคุณต้องการเสริมหน้าอก หรือสร้างรูปร่างที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น คลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทยมีตัวเลือกที่หลากหลาย และสามารถปรับให้เหมาะกับความต้องการของคุณได้
การเสริมหน้าอก แบ่งออกได้เป็น 2 ทรง
การเสริมหน้าอก สามารถเลือกทรงได้ตามความต้องการ โดยแบ่งออกเป็น 2 ทรง ซึ่งแต่ละทรงมีลักษณะเฉพาะที่เหมาะสมกับสไตล์และความต้องการของคุณ:
เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ หรือ Shaped Implants
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทรงหน้าอกยอดฮิตของสาวไทยจำนวนมาก เพราะทำแล้วดูสวย เนียน เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนหน้าอกจริง
เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมหน้าอกให้ดูเป็นธรรมชาติ และไม่เป็นบล็อกจนเกินไป
- ทรงหยดน้ำจะผลิตมาแต่ผิวสัมผัสเป็นผิวทรายเท่านั้น เนื่องจากเกาะกับเนื้อเยื่อได้ดีลดโอกาสเกิดการหมุนของซิลิโคน
- สามารถให้รูปทรงที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเสริมนมในปริมาณมาก หรือไม่ต้องการให้เห็นเนินอกด้านบนเด่นชัดจนเกินไป
เสริมหน้าอกทรงกลม หรือ Round Implant
การเลือกใช้ซิลิโคนทรงกลมจะช่วยให้เต้านมมีรูปร่างที่เต็มและกลมกลึง ดูเป็นธรรมชาติและมีความคงทนสูง
เสริมหน้าอกทรงกลม เหมาะกับใคร?
- เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานหน้าอกอยู่แล้ว แต่อยากได้ความชัดของหน้าอกมากขึ้น
- ซิลิโคนทรงกลมจะเพิ่มทรงให้ดูใหญ่และเห็นเนินอกชัดเจนกว่าซิลิโคนทรงหยดน้ำ
- ซิลิโคนเจลภายในจะเหลวกว่าทรงหยดน้ำ
- ไม่เกิดปัญหาเรื่องการบิดหมุน จึงไม่ทำให้เกิดการผิดรูปทรง
- อาจเห็นขอบบนของซิลิโคนได้ชัดเจน ในกรณีที่ใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่เกินไปหรือเป็นคนเนื้อหน้าอกบาง
- เหมาะกับคนผิวหนังหรือเนื้อหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือปานกลางจะช่วยแก้ไขให้ได้ทรงหน้าอกที่ดีขึ้น
การเสริมหน้าอก ผ่าตัดที่บริเวณไหนบ้าง?
- ผ่าตัดบริเวณปานนม (Periareolar)
- ผ่าตัดบริเวณรักแร้ (Transaxillary)
- ผ่าตัดบริเวณใต้ราวนม (Inframammary)
ข้อดีของการเสริมหน้าอก
- แผลผ่าตัดเข้าถึงเต้านมโดยตรง จึงเจ็บน้อยหน่อย
- ซ่อนแผลได้ดี เพราะแผลจะอยู่บริเวณข้อพับรักแร้พอดี
- มีความบอบช้ำน้อย แผลจะอยู่ในรอยพับระหว่าง เต้านมกับทรวงอกจึงมองแผลไม่เห็นชัด
ข้อเสียของการเสริมหน้าอก
- เห็นแผลค่อนข้างชัด อาจหมดความรู้สึกบริเวณนี้ได้
- มีโอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนขึ้นสูงกว่าปกติ
- แผลเป็นบริเวณหน้าอกซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบหรือกังวลใจ ว่าจะเห็นแผลได้ง่ายในเวลานอนหงาย
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอกเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีและลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติ ดังนี้
- ตรวจร่างกาย
- ตรวจเลือด
- เอกซเรย์ปอด
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตามเกณฑ์
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนมาผ่าตัด
- หยุดยาที่รับประทานบางชนิดก่อนการผ่าตัด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามิน หรือสมุนไพร
- หยุดสูบบุหรี่และหยุดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ให้ครบถ้วน และมาพบแพทย์ตามนัด
- นอนศีรษะสูง และนอนหงาย
- ประคบเย็น ตั้งแต่หลังผ่าตัดวันแรกตลอด 24 ชั่วโมง (ควรมีสองอันสลับใช้ทุก 1-2 ชั่วโมง) ตลอดระยะเวลา 7-10 วัน
- รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรืออาหารที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม
- เลือกสวมใส่ชุดที่สะดวกสบาย โดยเลือกเสื้อผ้าหลวมๆ ไม่รัดแน่น เช่น เสื้อเชิ้ต เนื่องจากหลังผ่าตัดในช่วงแรงยังรู้สึกระบมหน้าอกอยู่
- ควรใส่เสื้อชั้นในไว้ตลอด ทั้งกลางวันและกลางคืนในช่วงเดือนแรก เพื่อช่วยพยุงทรงเต้านม
- นวดหน้าอกหลังจากผ่าตัด เพื่อป้องกันการแข็งตัวของพังผืดรอบซิลิโคน ขั้นตอนนี้ควรทำด้วยความระมัดระวังเพราะอาจกระทบกับแผลได้ ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์
ภาวะหลังการผ่าตัด เสริมหน้าอก
- มีอาการปวดและบวมที่บริเวณหน้าอก
- มีความรู้สึกตึงหรือเจ็บที่บริเวณหน้าอก
- มีของเหลวไหลออกจากบริเวณแผลผ่าตัด เช่น เลือด น้ำเหลือง
- อาจมีผลข้างเคียงขอยาแก้ปวด ยาสลบ
เสริมหน้าอก ใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน?
หลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกเสร็จแล้ว จะใช้เวลาพักฟิ้นตัวเฉลี่ย 5-7 วัน และอาจจะมีอาการปวดตึง ระบมบริเวณเต้านมประมาณ 2-3 วัน โดยระหว่างนั้นจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
รูปร่างของเต้านมจะเริ่มดูเป็นธรรชาติหลังจากผ่าตัดได้ประมาณ 1-2 เดือน และขั้นตอนการนวดหน้าอก ควรทำด้วยความระมัดระวังตามคำแนะนำของแพทย์
Top Med World ช่วยคุณหาคลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำ สำหรับการเสริมหน้าอก
ท็อป เมดเวิลด์ได้คัดสรร “คลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำ” ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยและทั่วโลกด้านศัลยกรรมตกแต่ง การเสริมหน้าอก เช่น
Masterpiece Hospital ( โรงพยาบาล มาสเตอร์พีช )
Kamol Cosmetic Hospital ( โรงพยาบาล กมล )
Lelux Hospital ( โรงพยาบาล เลอลักษณ์ )
โรงพยาบาลชั้นนำในประเทศเกาหลี
ID Hospital ( โรงพยาบาลศัลยกรรม ไอดี )
Banobagi ( โรงพยาบาลศัลยกรรม บาโนบากิ )
View Plastic Surgery ( โรงพยาบาลศัลยกรรม วิล )
Nana Plastic Surgery ( โรงพยาบาลศัลยกรรม นานะ )
AB Plastic Surgery ( โรงพยาบาลศัลยกรรม เอบี )
หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ทาง ท็อปเมดเวิลด์ ได้นำเสนอ แพ็กเกจราคา โปรโมชันพิเศษ ศัลยกรรมหัตถการเสริมหน้าอก ของโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำของประเทศไทยและทั่วโลก ติดต่อเรา เพื่อการนัดหมาย พบแพทย์ หรือ ปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์
นพ. พัชระศักย์ ไกลสรพงษ์สกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศัลยกรรมตกแต่งความงาม และศัลยกรรมพลาสติก
ปี พ.ศ. 2529 แพทย์บัณฑิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ปี พ.ศ. 2535 วุฒิบัตรศาสตร์ทั่วไป คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลพระมงกุฎ
ปี พ.ศ. 2544 วุฒิบัติศาสตร์ตกแต่ง คณาะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลพระมงกุฎ
ถามคำถาม
การผ่าตัดเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) เป็นกระบวนการเพื่อเพิ่มขนาดและ/หรือรูปร่างของหน้าอกโดยการใช้ซิลิโคนเสริม ซึ่งซิลิโคนสามารถเติมได้ทั้งน้ำเกลือ (Saline) หรือเจลซิลิโคน (Silicone Gel)
ผู้ที่เหมาะสำหรับการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนควรมีคุณสมบัติดังนี้:
- สุขภาพร่างกายแข็งแรง: ไม่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวหรือผลลัพธ์ของการผ่าตัด
- มีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล: เข้าใจถึงผลลัพธ์และข้อจำกัดของการเสริมหน้าอก
- ต้องการบรรลุเป้าหมายดังต่อไปนี้:
- เพิ่มขนาดหน้าอกเพื่อให้ดูเต็มอิ่มมากขึ้น
- ปรับความสมดุลของขนาดหน้าอกให้ดูสมมาตรมากขึ้น
- ฟื้นฟูรูปทรงและความเต่งตึงของหน้าอกที่สูญเสียไปเนื่องจากการตั้งครรภ์ การลดน้ำหนัก หรือการผ่าตัดในอดีต
ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการเสริมหน้าอกให้ตรงกับความต้องการและสุขภาพของคุณ
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมักจะมีความรู้สึกไม่สบายหรือปวดในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงสองสามวันแรกหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการปวดตึงหรือบวมบริเวณหน้าอก ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป การจัดการความเจ็บปวด เช่น การใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง มักช่วยบรรเทาอาการไม่สบายได้ดี ทั้งนี้ประสบการณ์การฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ประเภทของการผ่าตัด และเทคนิคที่ใช้ค่ะ
อาการบวมอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนกว่าจะลดลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเผยให้เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงของการผ่าตัดเสริมหน้าอก
หลังจากการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ วัสดุเสริมอาจอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าปกติบริเวณหน้าอก แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ 3-6 วัสดุเสริมจะเริ่มปรับตัวและตกลงมาในตำแหน่งที่เหมาะสม ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในช่วง 2-6 เดือนถัดมา วัสดุเสริมจะเริ่มอ่อนนุ่มและเข้ารูปตามที่ต้องการ
นี่คือสองประเภทของวัสดุเสริมหน้าอกที่ใช้ในการผ่าตัดเสริมหน้าอก ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและข้อดีที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้เป็นภาพรวมของทั้งสองประเภท:
วัสดุเสริมหน้าอกทรงกลม:
วัสดุเสริมหน้าอกทรงกลมมีรูปทรงสมมาตร โดยมีขนาดและรูปทรงที่เหมือนกันทั่วทั้งวัสดุคล้ายกับทรงกลมแบน
ข้อดี:
- ความเต็มเปี่ยม: วัสดุเสริมทรงกลมมักให้ความเต็มเปี่ยมและปริมาตรทั้งด้านบนและด้านล่างของหน้าอก ทำให้หน้าอกมีรูปร่างกลมและเต็มขึ้น
- ความหลากหลาย: วัสดุเสริมทรงกลมสามารถใช้ได้กับหลายเป้าหมายทางความสวยงาม เช่น การเพิ่มขนาดหน้าอก, การเสริมรูปลักษณ์ของร่องหน้าอก และการเพิ่มความโดดเด่น
- ความเสี่ยงการหมุนต่ำ: เนื่องจากรูปทรงสมมาตร วัสดุเสริมทรงกลมจึงมีความเสี่ยงที่จะหมุนในกระเป๋าหน้าอกน้อยกว่า
วัสดุเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ
วัสดุเสริมหน้าอกทรงแอนาโตมิก หรือที่รู้จักกันในชื่อวัสดุเสริมทรงหยดน้ำ มีรูปทรงเรียวและมีความสมจริงมากขึ้น โดยจะมีความเต็มที่ด้านล่างและมีความลาดเอียงไปที่ด้านบน คล้ายกับรูปทรงของหน้าอกธรรมชาติ
ข้อดี:
- ความเป็นธรรมชาติ: วัสดุเสริมทรงแอนาโตมิกถูกออกแบบมาเพื่อเลียนแบบรูปร่างของหน้าอกธรรมชาติ ให้การตกแต่งที่เป็นธรรมชาติและรูปลักษณ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- การโปร่งแสงแบบลาด: รูปร่างของวัสดุเสริมทรงหยดน้ำสามารถให้ความโปร่งแสงแบบค่อยๆ และเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในบริเวณด้านล่างของหน้าอก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง: วัสดุเสริมทรงแอนาโตมิกมักจะได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย หรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
การเลือกวัสดุเสริมหน้าอกทรงกลมหรือทรงหยดน้ำนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงเป้าหมายทางความสวยงาม, รูปแบบของหน้าอกที่มีอยู่, ลักษณะเนื้อเยื่อ และความชอบส่วนตัว ในระหว่างการปรึกษากับศัลยแพทย์พลาสติกที่มีใบรับรอง คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการและรับคำแนะนำที่เหมาะสมตามความต้องการเฉพาะของคุณ สุดท้ายแล้ว ทั้งวัสดุเสริมหน้าอกทรงกลมและทรงแอนาโตมิกสามารถให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและดูเป็นธรรมชาติในการผ่าตัดเสริมหน้าอกได้
ศัลยแพทย์เสริมหน้าอกของคุณ จะช่วยแนะนำการเลือกวัสดุเสริมที่เหมาะสมและขนาดที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการ
การเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane เป็นเทคนิคที่มีความซับซ้อน ซึ่งผสมผสานระหว่างการวางตำแหน่งใต้กล้ามเนื้อ (submuscular) และใต้เนื้อเยื่อเต้านม (subglandular) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยบางราย ในการเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane, วัสดุเสริมจะถูกวางตำแหน่งบางส่วนใต้กล้ามเนื้อและบางส่วนใต้เนื้อเยื่อเต้านมเพื่อแก้ไขปัญหาทางกายวิภาคและให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามตามที่ต้องการ รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane มีดังนี้:
ข้อดี:
- รูปร่างที่เป็นธรรมชาติ: การวางตำแหน่งวัสดุเสริมแบบ Dual Plane ช่วยให้มีความลาดเอียงที่ค่อยๆ ของหน้าอกด้านบน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
- ลดความเสี่ยงในการเห็นริ้วรอยของวัสดุเสริม: การใช้เทคนิค Dual Plane ช่วยให้วัสดุเสริมถูกวางตำแหน่งอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเห็นริ้วรอยหรือขอบของวัสดุเสริม
- เพิ่มความโดดเด่นของร่องหน้าอก: เทคนิค Dual Plane สามารถช่วยเพิ่มความโดดเด่นของร่องหน้าอกโดยการปรับตำแหน่งของวัสดุเสริมให้เหมาะสมกับกล้ามเนื้อหน้าอกและเนื้อเยื่อเต้านม
ข้อบ่งชี้:
การเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane มักจะได้รับการแนะนำสำหรับผู้ที่มีการผสมผสานระหว่างเนื้อเยื่อเต้านม, ความกระชับของกล้ามเนื้อ, และเป้าหมายทางความสวยงามที่อาจได้รับประโยชน์จากเทคนิคการวางตำแหน่งนี้ - ผู้ที่มีภาวะเต้านมตก (ptosis) หรือความไม่สมดุลของเต้านมอาจเหมาะสมสำหรับการเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane เพื่อปรับรูปทรงและความสมมาตรของเต้านมให้ดีขึ้น
ขั้นตอนการทำ:
ในระหว่างการเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane ศัลยแพทย์จะสร้างช่องสำหรับวัสดุเสริมโดยระมัดระวัง โดยส่วนล่างของวัสดุเสริมจะถูกวางใต้กล้ามเนื้อและส่วนบนจะอยู่ใต้เนื้อเยื่อเต้านม - เทคนิค Dual Plane ช่วยให้สามารถสร้างรูปร่างของหน้าอกและวางตำแหน่งวัสดุเสริมได้อย่างแม่นยำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และตอบสนองต่อความต้องการทางกายวิภาคที่แตกต่างกัน
การฟื้นตัว:
การฟื้นตัวจากการเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane คล้ายกับเทคนิคการวางตำแหน่งอื่น ๆ โดยอาจมีอาการปวดบวมชั่วคราวและการจำกัดกิจกรรมทางกายภาพ
การปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการผ่าตัด, การสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยประคองหน้าอก, และการนัดติดตามผลเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปได้ดีและผลลัพธ์ที่ยาวนาน การเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane เป็นเทคนิคที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการผ่าตัดเสริมหน้าอก การปรึกษากับศัลยแพทย์พลาสติกที่มีใบรับรองและเชี่ยวชาญในเทคนิคนี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า การเสริมหน้าอกแบบ Dual Plane เหมาะสมกับการบรรลุเป้าหมายความสวยงามของคุณหรือไม่
การวางวัสดุเสริมใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular Placement):
การวางวัสดุเสริมใต้กล้ามเนื้อหมายถึงการวางวัสดุเสริมใต้กล้ามเนื้อหน้าอก (กล้ามเนื้อพีคโตริส เมเจอร์) การวางตำแหน่งนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น:
- ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น: การวางวัสดุเสริมใต้กล้ามเนื้อช่วยให้วัสดุเสริมมีการปกคลุมที่ดีขึ้นและมีความลาดเอียงที่เป็นธรรมชาติในส่วนบนของเต้านม
- ลดความเสี่ยงของการเกิดพังผืดหดรัด (Capsular Contracture): การวางวัสดุเสริมใต้กล้ามเนื้อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดพังผืดหดรัด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเนื้อเยื่อแผลที่รอบวัสดุเสริมหดตัว
- การรองรับและการปกป้องที่ดีขึ้น: กล้ามเนื้อช่วยให้วัสดุเสริมได้รับการรองรับและการปกป้องที่มากขึ้น ลดความเสี่ยงในการเห็นวัสดุเสริมหรือริ้วรอยจากวัสดุเสริม
การวางวัสดุเสริมเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular Placement)
การวางวัสดุเสริมเหนือกล้ามเนื้อหมายถึงการวางวัสดุเสริมเหนือกล้ามเนื้อหน้าอกแต่ด้านใต้ของเนื้อเยื่อเต้านม การวางตำแหน่งนี้มีข้อดีบางประการ เช่น:
- การฟื้นตัวที่รวดเร็วขึ้น: การวางวัสดุเสริมเหนือกล้ามเนื้อมักจะทำให้ฟื้นตัวได้เร็วและไม่รู้สึกเจ็บปวดมากเท่ากับการวางวัสดุเสริมใต้กล้ามเนื้อ
- ความเป็นไปได้ในการสร้างร่องหน้าอกที่เด่นชัด: การวางวัสดุเสริมเหนือกล้ามเนื้ออาจช่วยให้ร่องหน้าอกดูเด่นชัดขึ้นในบางกรณี
- ลดความเสี่ยงจากการบิดเบี้ยวของกล้ามเนื้อ: การวางวัสดุเสริมเหนือกล้ามเนื้อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการบิดเบี้ยวของกล้ามเนื้อที่อาจเกิดขึ้นจากการวางวัสดุเสริมใต้กล้ามเนื้อ
ศัลยแพทย์เสริมหน้าอกของคุณจะพิจารณาหลายปัจจัยในการเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการวางวัสดุเสริมหน้าอก รวมถึงรูปร่างทางกายวิภาคของคุณ, ผลลัพธ์ที่ต้องการ, คุณสมบัติของเนื้อเยื่อ, และความชอบส่วนตัว
ในการปรึกษา ศัลยแพทย์ของคุณจะอธิบายตัวเลือกต่างๆ ให้คุณและแนะนำตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดตามความต้องการและเป้าหมายของคุณ เป็นสิ่งสำคัญที่จะมีการสนทนาอย่างละเอียดกับศัลยแพทย์พลาสติกของคุณเพื่อให้เข้าใจถึงข้อดีและข้อพิจารณาของแต่ละตำแหน่งการวางวัสดุเสริม เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล และมั่นใจในผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเสริมหน้าอกของคุณ