การเสริมสะโพก (Buttock Augmentation)

การเสริมสะโพก (Buttock Augmentation)

การศัยกรรมเสริมสะโพก เป็นการเพิ่มส่วนของแก้มก้นหรือส่วนของสะโพกให้โตขึ้น ช่วยให้รูปร่างดีขึ้น ผู้ที่มีสะโพกสวยงาม สามารถเลือกเสื้อผ้าที่ใช้ได้หลากหลายกว่าผู้ที่ไม่มีสะโพก สามารถเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว ดังนั้น จะมีผู้ที่ต้องการเสริมสะโพกมากขึ้น 

ปัจจุบันในประเทศไทย ผู้ที่ต้องการมีสะโพกใหญ่ขึ้น มักจะไปรับบริการฉีกสะโพกด้วยซิลิโคนเหลว ตามสถานบริการที่ผิดกฎหมาย ผลของการฉีดทำให้มีสะโพกกลมกลึงและสวยงามในระยะแรก แต่เมื่อผ่านไป 6 เดือนถึง 1 ปี ซิลิโคนเหลวก็จะไหลย้อยไปที่บริเวณต้นขาและทำให้เกิดพังผืดภายในต้นขา ทำให้ผิวหนังแข็งกระด้างดูไม่สวยงาม การไหลของซิลิโคนเหลวทำให้ก้นที่เคยสวยงามหลังการฉีดระยะแรกมีขนาดเล็กลงและ ย้อยลงเหมือนก้นคนแก่ ในขณะที่ซิลิโคนที่ไหลไปยังต้นขา 2 ข้าง มีขนาดโตขึ้น การที่ต้นขาใหญ่ก็ทำให้รูปร่างไม่สวยงามในคนที่มีปัญหา ซิลิโคนเหลวจะไหลไปที่ต้นขา การแก้ไขทำได้ยาก เนื่องจากหลังการผ่าตัดมักมีปัญหาแผลหายช้า และมักมีน้ำเหลืองไหลอยู่นาน ในปัจจุบัน ได้มีเทคนิคการผ่าตัดเสริมสะโพกแบบใช้ถุงหรือแผ่นซิลิโคนเข้าไปซึ่งการผ่าตัด

 

เทคนิคที่ 1 เสริมโดยการใช้ไขมันฉีดเสริมสะโพก

วิธีนี้ทำโดยการดูดไขมันจากบริเวณอื่นมาเสริมที่สะโพก มีข้อเสียคือต้องมีแผลที่บริเวณอื่นที่ดูดไขมันออกมา แต่มีข้อดี คือไม่มีสารแปลกปลอมมากหลังจากหายแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ แต่ไม่สามารถที่จะเสริมให้มีขนาดใหญ่มากๆได้ในครั้งเดียว วิธีนี้จะเสริมสะโพกในทุกๆตำแหน่งของสะโพกโดยสามารถที่จะเลือกได้ว่าต้องการ เสริมที่บริเวณใดมาก บริเวณใดน้อย

 

เทคนิคที่ 2 เสริมโดยการผ่าตัด ใส่แผ่นซิลิโคนหรือถุงซิลิโคน

วิธีนี้มีแผลยาวประมาณ 7 เซนติเมตร บริเวณร่องก้นหรือตรงกลางบริเวณกระดูกสันหลังแล้วเสริมโดยใช้ถุงซิลิโคน ชนิดที่ทำเพื่อเสริมสะโพกใส่ไว้ภายในกล้ามเนื้อวิธีนี้ช่วยให้รูปทรงของ สะโพกดี โดยการผ่าตัดเพียงครั้งเดียวและสามารถเลือกขนาดสะโพกใหญ่เท่าไหร่ก็ได้แต่จะ เสริมได้เฉพาะสะโพกด้านบน บริเวณกลางๆเท่านั้นไม่สามารถเสริมสะโพกส่วนล่างได้ เพราะจะกดเส้นประสาท ถุงซิลิโคนที่ใช้เสริมสะโพกจะมีรูปร่าง 2 แบบ คือ แบบเป็นแผ่นและแบบถุงสำหรับรายละเอียด ของวิธีนี้จะกล่าวในหัวข้อต่อไป

 

เทคนิคที่ 3 การเสริมสะโพกร่วมกับการดูดและฉีดไขมัน

การตกแต่งสะโพกให้สวยงามโดยใช้การเสริมสะโพกร่วมกับการดูดและฉีดไขมันเป็น การผ่าตัดโดยมีการผ่าตัดเพื่อใส่ถุงหรือแผ่นซิลิโคนพร้อมกับการดูดไขมันและ ฉีดไขมันในคราวเดียวกัน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการผ่าตัด เสริมสะโพกโดยใช้ถุงซิลิโคน ในปัจจุบันแนะนำให้เสริมใต้กล้ามเนื้อเป็นหลัก การเสริมใต้กล้ามเนื้อทำให้สะโพกหลังการเสริมมีการนูนเด่นบริเวณกลางๆ แก้มก้นไม่สามารถเสริมด้านข้างมากๆ ได้ ถึงแม้จะใช้ถุงเสริมสะโพกทรงหยดน้ำก็ตามเนื่องจากบริเวณด้านข้างไม่มีกล้าม เนื้อรองรับในบางคนที่ต้องการเสริมด้านข้างมากๆ อาจทำการดูดไขมันจากบริเวณเหนือสะโพกหรือใต้สะโพกแล้วฉีดบริเวณด้านข้างก็จะ ช่วยทำให้รูปร่างสะโพกตรงกลางนูนขึ้นจากถุงซิลิโคนขณะที่ด้านข้างนูนขึ้นจาก ไขมันที่ฉีดพร้อมทั้งส่วนเหนือและใต้สะโพกแบนราบลง มีผลทำให้สะโพกดูเด่นขึ้นมากกว่าทั้ง 2 วิธีแรก

 

การศัยกรรมเสริมสะโพก - Buttock Augmentation

 

ชนิดของถุงที่ใช้เสริมสะโพก

วัสดุที่มีการนำมาเสริมสะโพกมี 2 แบบ คือ

 

  1. ซิลิโคนชนิดแผ่น 

เป็นซิลิโคนแท่งที่มีการทำขึ้นมาเพื่อเสริมสะโพกโดยมีลักษณะเช่นเดียวกับซิ ลิโคนแท่ง สำหรับการเสริมจมูก แต่มีการผลิตมาเป็นแผ่นใหญ่ และมีรูปร่างโค้งงอตามรูปแบบของสะโพก ซิลิโคนแบบนี้มีการผลิตโดยบริษัทในประเทศอเมริกาก่อนทำการผ่าตัดต้องวัดขนาด ของแผ่นซิลิโคนที่ต้องการก่อนโดยทำก่อนผ่าตัด ประมาณ 1 – 2 เดือน เนื่องจากเราไม่มีการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย จะต้องวัดขนาดที่แน่นอน เพราะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้ ในระหว่างผ่าตัดและในบางคนที่ต้องการสะโพกใหญ่มาก อาจต้องสั่งทำพิเศษ ก่อนการผ่าตัด ซิลิโคนแบบเสริมสะโพกนิยมใช้ในประเทศอเมริกา เพราะมีการห้ามใช้ถุงซิลิโคนเจล อยู่ระยะหนึ่งทำให้แพทย์ที่ผ่าตัดในประเทศอเมริกา ไม่สามารถเลือกใช้ถุงซิลิโคนเจลได้

 

  1. ถุงเสริมสะโพกเทียม

เป็นถุงที่ทำด้วยซิลิโคน ภายในบรรจุ ซิลิโคนเจล เช่นเดียวกับถุงซิลิโคนที่ทำการเสริมหน้าอกแต่มีรูปร่างและรายละเอียดแตก ต่างกัน ถุงซิลิโคน สำหรับเสริมสะโพกภายในจะบรรจุด้วยซิลิโคนเจลเท่านั้น ไม่มีการผลิตถุงน้ำเกลือ เนื่องจากอัตราการรั่วของน้ำเกลือจะมีได้มากกว่าถุงเจล เพราะกรเสริมสะโพกเป็นการใส่ถุงในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่มีการเครื่อนไหว ทำให้มีแรงกดบริเวณถุงสะโพกมากกว่าถุงเต้านม จะมีปัญหารั่วซึมได้มากกว่า ซิลิโคนเจลที่บรรจุในถุงสะโพกจะมีการใช้เฉพาะเจลที่มีความหนาแน่นมาก (High Cohesive gel) เท่านั้น เพราะเท่าที่ทราบแล้วว่า ถุงสะโพก จะมีการรับแรงกดมากกว่าถุงเต้านม เจลจะต้องเป็นชนิดที่แข็งและเหนียวกว่าถุงเต้านม สำหรับรูปร่างของถุงสะโพกก็จะแบนกว่าและกว้างกว่าถุงเต้านม ถุงสะโพกเทียมเป็นวัสดุที่เสริมสะโพกที่ทำกันในประเทศยุโรปและอเมริกาใต้ใน ประเทศไทย การเสริมสะโพกก็จะใช้วัสดุชนิดนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะมีบริษัทนำวัสดุเข้ามา แต่ซิลิโคนชนิดแผ่นยังไม่มีการนำเข้ามาขายในประเทศไทย

 

รูปทรง

  1. ถุงทรงกลม 

จะมีรูปร่างกลมแต่จะแบนกว่าถุงเต้านมใช้สำหรับเสริมบริเวณสะโพกด้านในหรือ ที่เราจะรู้จักว่าเป็นการเสริมก้น ถุงทรงกลมถ้ามีการใส่ในระดับใต้ผิวหนัง อาจมีผลทำให้เห็นรูปร่างและขอบเขตของถุงชัดดูไม่เป็นธรรมชาติ

 

  1. ถุงทรงหยดน้ำหรือทรงธรรมชาติ 

เป็น รูปทรงวงรีตามรูปใช้สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมด้านข้างของสะโพก มีข้อดีคือมีการรูปร่างสะโพกแบบธรรมชาติเนื่องจากไม่มีลักษณะกลม แต่มีข้อเสียคือถ้ามีการหมุนหรือมีการวางตำแหน่งของถุงแตกต่างจากอีกข้าง หนึ่งก็จะมองเห็นความแตกต่างระหว่างสะโพก 2 ข้างได้ชัดเจน
 

แผลผ่าตัด

  1. บริเวณขอบบนของสะโพก 2 ข้าง

  2. แผลที่ขอบล่างองสะโพก

  3. การเปิดแผลกลางกระดูกก้นกบ

ผิวของถุงซิลิโคน

ถุงซิลิโคนมีการออกแบบเป็นทั้งผิวเรียบและผิวขรุขระหรือผิวทรายภายในมีการบรรจุ เจลชนิดพิเศษที่มีความแข็งมากและยืดหยุ่นน้อยกว่าถุงเต้านมเทียม ทำให้ทนต่อแรงกดดันได้มากกว่า ในปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าถุงผิวเรียบและผิวทรายมีผลดีผลเสียต่าง กันอย่างไร การเลือกใช้มักขึ้นอยู่กับความถนัดของศัลยแพทย์เป็นส่วนใหญ่

 

การปรึกษาแพทย์ก่อนผ่า ตัดเสริมสะโพก

การปรึกษาแพทย์ก่อนการผ่าตัดมีความสำคัญมากในการผ่าตัดเสริมสะโพก เพราะสะโพกแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ซึ่งรายละเอียดบางอย่างการพิจารณาก่อนการผ่าตัด นอกจากนั้นแล้วความต้องการของคนไข้แต่ละคนก็มีความแตกต่างกันมาก ดังนั้นการประเมินพื้นฐานของกายภาค และเลือกเทคนิควิธีการที่จะใช้ก่อนการผ่าตัดก็เป็นส่วนสำคัญต่อผลของการผ่า ตัดเสริมสะโพก


การเลือกถุงและแผ่นซิลิโคน

การเลือกเลือกถุงซิลิโคนหรือแผ่นซิลิโคนต้องพิจารณาตามข้อต่อไปนี้

 

  • รูปร่างกลมหรือเป็นวงรี

ถุงเสริมสะโพกจะมีระดับความสูงแบบเดียวไม่มีแบบนูนหรือแบบราบเหมือนกับถุงเสริมเต้านม

ขนาดของถุง ถุงจะมีขนาดตั้งแต่ 200-370 ซีซี การเลือกขนาดไม่ควรเลือกขนาดที่ใหญ่เกินไปเพราะถุงที่ใหญ่เกินไปอาจจะมีปัญหาหลังผ่าตัด

 

  • ผิวเรียบหรือผิวทราย

การเลือกชนิดของซิลิโคนนอกจากจะขึ้นกับคนไข้แล้วยังขึ้นกับประสบการณ์และ ความ คุ้นเคยของศัลยแพทย์ด้วย โดยทั่วไปในปัจจุบัน ถุงซิลิโคนเจล ผิวเรียบกลมเป็นถุงซิลิโคนที่มีการใช้มากที่สุด โดยถุงรูปวงรีจะมีการเลือกใช้ เฉพาะในรายที่ต้องการเสริมด้านข้างมากๆ
 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด เสริมสะโพก

  • งดน้ำงดอาหาร 6 ชม. ก่อนการผ่าตัด

  • ควรเตรียมหยุดงาน 10 – 15 วัน

  • ถ้ามีโรคประจำตัวหรือกินยาประจำกรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบ

  • งดยาต้านอักเสบ ( NSAID ) เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด

  • ปรึกษาแพทย์โดยเลือกจากขนาดของถุงซิลิโคนที่ใส่ และรูปร่างของซิลิโคนที่จะใส่ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนการผ่าตัด

  • ควรมีเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด

  • เก็บสิ่งของมีค่าไว้ที่บ้านไม่ควรนำของมีค่ามาที่โรงพยาบาล

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคความดันสูง ไม่ควรผ่าตัด

  • ถ้ามีบาดแผลบริเวณแขน ,ข้อศอก ,หัวเข่า หรือบริเวณส่วนหน้าของร่างกายเช่นหน้าอก,หน้าท้อง ควรงดผ่าตัดไปก่อน

  • ในกรณีที่วันผ่าตัดมีอาการท้องเสีย ควรงดผ่าตัดไปก่อน เพราะหลังผ่าตัดการนั่งถ่ายทำได้ยากนอกจากนั้นแล้วอาจมีปัญหาการติดเชื้อของ แผลได้

  • เตรียมคนที่ขับรถรับ-ส่ง ถ้าต้องไปทำงานประมาณ10 -14 วันเพราะในช่วงระยะแรกอาจนั่งขับรถไม่ถนัด

  • หลังผ่าตัดมักต้องนอนคว่ำดังนั้นการเสริมสะโพก ควรทำหลังการผ่าตัดอื่นๆเช่น การเสริมหน้าอก การแปลงเพศ ประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไป

  • การ ผ่าตัดร่วม การผ่าตัดเสริมสะโพกไม่ควรทำร่วมกับการผ่าตัดอื่นที่ผ่าตัดส่วนหน้าของร่าง กาย เช่นการตัดไขมันหน้าท้องหรือการเสริมหน้าอกไม่ควรทำพร้อมกับการเสริมสะโพก เพราะมีปัญหาในการดูแลหลังผ่าตัด ยกเว้น การดูดไขมันเล็กน้อยอาจทำร่วมกันได้ สำหรับการผ่าตัดด้านหลังของร่างกายสามารถทำได้ร่วมกับการผ่าตัดเสริมสะโพก เช่นการดูดไขมันหรือการผ่าตัดยกสะโพกหรือการฉีดไขมันที่สะโพก

  • ควรมีผู้ดูแลที่บ้านหลังการผ่าตัด

  • งดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์ก่อนผ่าตัด

การดูแลหลังการผ่าตัด เสริมสะโพก

  • ผลของการผ่าตัดจะเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่วันแรกแต่จะยังมีอาการบวมมากหลัง ผ่า ตัดก้นจะดูนิ่มและเป็นธรรมชาติประมาณ 2 – 3 เดือน หลังผ่าตัดหลังจากกล้ามเนื้อยืดขึ้น

  • นอนพักที่โรงพยาบาลประมาณ 2 – 3 วัน

  • โดยทั่วไปใส่สายระบายน้ำเหลืองประมาณ 2 – 3 วันเพื่อป้องกันน้ำเหลืองหรือเลือดคั่ง

  • โดยทั่วไปจะตัดไหมประมาณ 10 -14 วันแล้วแต่ความตึงของแผล

  • วันแรกหลังผ่าตัดสามารถนั่งแบบไม่เต็มก้นหรือนั่งในท่าก้มๆตัวได้ และสามารถเดินช้าๆได้หรือเข้าห้องน้ำชำระร่างกายได้

  • 7 วันแรกขณะที่นอนหลับควรนอนในท่าคว่ำหรือตะแคงข้างเท่านั้น ห้ามนอนหงายเพราะจะกดถุงซิลิโคน

  • หลังจากเปิดแผล ควรทำแผลทุกวันจนถึงวันตัดไหม

  • เปิดผ้าพันแผลวันที่ 2 หรือ 3

  • ระวังพลาสเตอร์เปียกน้ำ

  • อาทิตย์ที่ 2 นั่งบนหมอนนิ่มๆ ได้

  • 1 อาทิตย์แรกควรพักผ่อนมากๆแต่ไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงตลอดเวลาโดยทั่วไปหลัง วันที่ 3 สามารถเดินหรือนั่งได้ช้าๆโดยที่จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง

  • ประมาณ 10 วัน สามารถทำงานประจำวันได้สามารถขับรถได้

  • 6 – 8 อาทิตย์ สามารถออกกำลังกายหนักๆเช่น เล่นสกี ,ขี่ม้า ,มวยปล้ำ ,จักรยานได้

  • ห้ามฉีดยา ที่สะโพกเด็ดขาด โดยทั่วไปมักจะสงสัยว่ากรณี ฉุกเฉินถ้าไม่รู้สึกตัวอาจถูกฉีดยาที่สะโพกได้แต่โดยทั่วไปถ้ามีเหตุฉุกเฉิน หรือประสบอุบัติเหตุทำให้สลบเข้าโรงพยาบาล การฉีดยาส่วนใหญ่มักจะฉีดเข้าเส้นเลือดมากกว่าการฉีดยาที่ตำแหน่งอื่นๆ

  • งดขับรถยนต์ 10 วัน เนื่องจากในช่วงแรกอาจนั่งไม่ถนัด

  • สามารถออกกำลังกายตามปกติหลัง 4 อาทิตย์

  • จะไม่รู้สึกมีสิ่งแปลกปลอมที่สะโพก 6 – 8 เดือน

  • อาการปวดบริเวณสะโพกอาจมีได้ 1 – 3 เดือนแรก

 

Top Med World เป็นแพลตฟอร์มทางการแพทย์ที่ดีที่สุด

Top Med World ่ได้คัดสรรคลินิกและโรงพยบาลชั้นนำที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยและทั่วโลกด้านศัลยกรรมตกแต่งและทันตกรรม อาทิ เช่น 

  1. ID clinic ไอดี คลินิก 

  2. Wansiri Hospital โรงพยาบาล วรรณสิริ

  3. Masterpiece Hospital โรงพยาบาล มาสเตอร์พีช 

  4. Kamol Cosmetic Hospital โรงพยาบาล กมล 

  5. Bangkok Hospital โรงพยาบาล กรุงเทพ 

โรงพยาบาลชั้นนำในประเทศเกาหลี

  1. ID Hospital โรงพยาบาลศัลยกรรม ไอดี 

  2. Banobagi โรงพยาบาลศัลยกรรม บาโนบากิ 

  3. View Plastic Surgery โรงพยาบาลศัลยกรรม วิล

  4. Nana Plastic Surgery โรงพยาบาลศัลยกรรม นานะ

  5. AB Plastic Surgery โรงพยาบาลศัลยกรรม เอบี

 

หากท่านต้องการทราบข้อมูลทางบริษัท ทอปเมดเวิลด์ ได้นำเสนอ แพ็คเกจราคา โปรโมชั่นพิเศษ ศัลยกรรมหัตถการ ศัลยกรรมเสริมสะโพก ของโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำของประเทศไทยและทั่วโลก โปรดติดต่อเรา เพื่อการนัดหมาย พบแพทย์ หรือ ปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์
 

นพ. พัชระศักย์ ไกลสรพงษ์สกุล  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศัลยกรรมตกแต่งความงาม และศัลยกรรมพลาสติก
นพ. พัชระศักย์ ไกลสรพงษ์สกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศัลยกรรมตกแต่งความงาม และศัลยกรรมพลาสติก

ปี พ.ศ. 2529 แพทย์บัณฑิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น                

ปี พ.ศ. 2535 วุฒิบัตรศาสตร์ทั่วไป คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลพระมงกุฎ

ปี พ.ศ. 2544 วุฒิบัติศาสตร์ตกแต่ง คณาะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลพระมงกุฎ