การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)

การทําเด็กหลอดแก้วหรือ IVF คืออะไร

 

การทําเด็กหลอดแก้วหรือ IVF Thailand

การทําเด็กหลอดแก้วหรือ IVF เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology: ART) ประเภทหนึ่ง ซึ่งจะนำสเปิร์มและไข่ออกมาทำการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ ตามด้วยการฝังตัวอ่อนเพื่อการตั้งครรภ์ การทําเด็กหลอดแก้วหรือ IVF เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสําหรับผู้ที่มีบุตรยากที่มีปัญหา เช่น จํานวนอสุจิน้อยหรือไม่มีคุณภาพ ท่อนําไข่อุดตันหรือเสียหาย ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ เนื้องอกในมดลูก ความเสี่ยงต่อโรคหรือความผิดปกติทางพันธุกรรม

 

ก่อนเริ่มการทําเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF

ผู้เข้ารับบริการจะได้พูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการทําเด็กหลอดแก้ว พร้อมตรวจสุขภาพอย่างละเอียด และได้รับการตรวจประเมินภาวะมีบุตรยาก ดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์จากประวัติของแต่ละคู่ การตรวจภายใน การตรวจ Pap smear และการตรวจแมมโมแกรม (ในรายที่อายุมากกว่า 40 ปี)

 

  • การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำอสุจิ

  • การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคติดเชื้ออื่น ๆ

  • การตรวจเลือดและปัสสาวะ

  • การตรวจคัดกรองพาหะทางพันธุกรรม

  • การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกหรือการฉีดน้ำเกลือเพื่อตรวจโพรงมดลูกด้วยเครื่องอัลตราซาวด์

  • ความเสี่ยงของการทําเด็กหลอดแก้ว

  • ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการเก็บไข่ เช่น การติดเชื้อ เลือดออก และความเสียหายต่ออวัยวะสืบพันธุ์ ลําไส้ และกระเพาะปัสสาวะ

  • การตั้งครรภ์นอกมดลูก

  • การตั้งครรภ์แฝด

  • การคลอดก่อนกําหนด

  • ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

  • ความผิดปกติโดยกำเนิดอาจสูงขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากการตั้งครรภ์ล่าช้าหรือสาเหตุพื้นเดิมอื่น ๆ ที่ทำให้มีบุตรยาก

อัตราความสำเร็จจากการทำเด็กหลอกแก้วหรือ อิ๊กซี่ (ICSI)

อายุของแม่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับอัตราความสําเร็จของการตั้งครรภ์และการคลอดมีชีพของเด็กหลอดแก้ว

 

แม่อายุน้อยกว่า 35 ปี จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 46.7%

แม่อายุ 35 ถึง 37 ปี จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 34.2%

แม่อายุ 38 ถึง 40 ปี จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 21.6%

แม่อายุ 41 ถึง 42 จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 10.6%

แม่อายุ 43 ปีขึ้นไป จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 3.2%

 

การทำเด็กหลอดแก้ว อิ๊กซี่ (ICSI) คืออะไร

การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ อิ๊กซี่ (ICSI) เป็นเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์เพื่อรักษาผู้มีบุตรยากที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ โดยจะคัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์เพียงตัวเดียว และใช้เข็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก ๆ ฉีดตัวเชื้ออสุจิเข้าไปในเซลล์ของไข่โดยตรง เพื่อช่วยให้เกิดการปฏิสนธิ จากนั้นจะทำการเลี้ยงตัวอ่อนต่อในห้องปฏิบัติการโดยผู้เชี่ยวชาญ และเมื่อเลี้ยงตัวอ่อนไปจนถึงวันที่ 5 (Blastocyst) จึงทำการย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตต่อไป อิ๊กซี่ (ICSI) นั้นสามารถเพิ่มอัตราการปฏิสนธิและช่วยลดปัญหาการปฏิสนธิที่ผิดปกติ เช่น การปฏิสนธิจากอสุจิหลายตัวและอสุจิไม่สามารถเจาะเปลือกไข่ได้เอง เป็นต้น

 

การทำอิ๊กซี่ (ICSI) เหมาะกับใคร?

การตั้งครรภ์เด็กหลอดแก้วไม่มีความเสี่ยงสูงเว้นแต่ผู้เข้ารับการรักษามีปัญหาด้านสุขภาพอยู่ก่อน เช่น ความดันโลหิตสูงหรือฝ่ายหญิงอายุมาก

 

การทําเด็กหลอดแก้วนั้นอาจพบปัญหาได้ในทุกขั้นตอนเนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น

  1. การตกไข่ก่อนเวลา

  2. เก็บไข่แล้วไม่ได้ไข่

  3. ไข่ไม่สุก

  4. ไม่มีการปฏิสนธิ

  5. คุณภาพของตัวอสุจิ

  6. ตัวอ่อนหยุดการเจริญเติบโต

  7. ตัวอ่อนฝังตัวในเยื่อบุมดลูกไม่สำเร็จ

  8. ปัญหาด้านการเก็บไข่หรือการย้ายตัวอ่อน

  9. อัตราความสําเร็จของการทําเด็กหลอดแก้ว

 

ขั้นตอนการทำเด็กหลอกแก้วหรือ อิ๊กซี่ (ICSI)

 

การตรวจประเมินร่างกาย

ก่อนเริ่มการกระตุ้นไข่แพทย์จะทำการตรวจร่างกายคู่สมรส โดยเฉพาะฝ่ายหญิงอย่างละเอียดเพื่อประเมินความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการทำอิ๊กซี่ โดยทำการเจาะเลือดเพื่อวัดปริมาณฮอร์โมนในร่างกายเพื่อประเมินการทำงานของรังไข่ การตรวจ อัลตราซาวด์ เพื่อดูจำนวนไข่เพื่อที่จะประเมินปริมาณของฮอร์โมนในการฉีดกระตุ้นรังไข่ในขั้นตอนต่อไป

 

การฉีดยากระตุ้นไข่

หลังจากตรวจประเมินร่างกายแล้ว ในขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่กระบวนการฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นไข่ โดยแพทย์จะเริ่มฉีดยากระตุ้นไข่ในวันที่ 2 ของรอบเดือน โดยฉีดยาประมาณ 9-14 วัน ในระหว่างนั้นแพทย์จะมีการนัดทำอัลตราซาวด์เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของไข่เป็นระยะ และเมื่อไข่ได้ขนาดที่เหมาะสมแล้ว แพทย์และทำการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นให้ไข่สุกและเตรียมความพร้อมสำหรับการเก็บไข่ภายใน 34-36 ชั่วโมง

 

การเก็บไข่

เมื่อฉีดยาให้ไข่ตกภายใน 34-36 ชั่วโมงแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการเก็บไข่โดยแพทย์ทำเริ่มทำการเก็บไข่ผ่านออกมาทางช่องคลอด และฝ่ายชายก็จะมีการเก็บอสุจิออกมาในวันเดียวกัน จากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านตรวจวิเคาระห์คุณภาพอสุจิจะทำการคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์ แข็งแรง มาเพื่อฉีดเข้าสู่ไข่ที่เก็บมาของฝ่ายหญิงเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิต่อไป ถ้าหากฝ่ายชายมีปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศเช่น ภาวะท่อนำอสุจิอุดตัน แพทย์จะใช้วิธีการเก็บตัวอสุจิโดยตรงจากอัณฑะด้วยวิธี PESA/TESE

 

ขั้นตอนการทำ ICSI และการเลี้ยงตัวอ่อน

เมื่อเข้าสู่กระบวนการ ICSI นักวิทยาศาสตร์เลี้ยงตัวอ่อนจะคัดเลือกไข่ใบที่สมบูรณ์ และอสุจิที่สมบูรณ์เพียงตัวเดียวโดยจะใช้เข็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ของไข่โดยตรง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิต่อไป จากนั้นนักวิทยาศาสตร์จะทำการจะทำการเลี้ยงตัวอ่อนไปจนถึงวันที่ 5 ที่เรียกว่า ระยะบลาสโตซิสต์ โดยในการเลี้ยงตัวอ่อนจะใช้น้ำยาหล่อเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ รวมถึงการการควบคุมสภาวะแวดล้อมให้คงที่ เพื่อให้ตัวอ่อนนั้นเติบโตได้ดี จากนั้นแพทย์ก็จะทำการนัดคนไข้มาย้ายตัวอ่อนที่สมบูรณ์กลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อให้เจริญเติบโตในครรภ์ของฝ่ายหญิงต่อไป

 

การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก (Embryo transfer)

โดยการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือการย้ายตัวอ่อนรอบสด และการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง

 

1.การย้ายตัวอ่อนรอบสด เป็นการย้ายตัวอ่อนในรอบที่มีการกระตุ้นไข่และเก็บไข่ทันที โดยแพทย์จะทำหลังจากการนำไข่และอสุจิปฎิสนธินอกร่างกายและเลี้ยงตัวอ่อนจนอยู่ในระยะ 5 – 6 วัน หรือระยะ Blastocyst แล้ว ถ้าหากตัวอ่อนเติบโตดี แข็งแรง แพทย์ก็จะนัดคนไข้มาย้ายตัวอ่อนที่คัดเลือกเข้าสู่โพรงมดลูกต่อไป

 

2.การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง คือ การย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกในรอบเดือนที่แพทย์ประเมินแล้วว่าผนังโพรงมดลูกนั้นมีความพร้อม โดยแพทย์จะทำการเก็บตัวอ่อนแช่แข็งเก็บไว้ และจะนำมาละลายในวันที่พร้อมสำหรับขั้นตอนการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกและจากนั้นแพทย์จะนัดเข้ามาเพื่อตรวจติดตามการผลการตั้งครรภ์ต่อไป และอีกขั้นตอนสำคัญสำหรับการย้ายตัวอ่อนในรอบแช่แข็ง คือกระบวนการเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งกระบวนการเตรียมมดลูกมี 2 วิธี

 

  • ใช้รอบธรรมชาติ แพทย์จะทำการประมาณวันที่ไข่จะตกธรรมชาติและนัดคนไข้มาทำการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูขนาดไข่ และตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน หลังจากนั้น แพทย์จะทำการนัดย้ายตัวอ่อนหลังจากที่มีการตกของไข่ไปแล้ว 5-6 วัน ซึ่งในรอบธรรมชาตินี้ ฟองไข่ที่เจริญเติบโตขึ้นมาจะผลิตฮอร์โมนได้เอง ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฮอร์โมนเป็นจำนวนมาก

  • ใช้ยาเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูก โดยใช้ยาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเพื่อช่วยสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาขึ้น ประมาณ 12-14 วันเมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาที่เหมาะสมแล้ว จะเริ่มให้ยาตัวที่ 2 ที่เป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เป็นเวลา 6 วัน ซึ่งทำให้เราสามารถกำหนดวันย้ายตัวอ่อนได้ตามความสะดวกของเรา ในรอบที่ใช้ยาเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกนี้ คนไข้จะไม่มีการเจริญเติบโตของฟองไข่ ฮอร์โมนที่ช่วยในการตั้งครรภ์ทั้งหมดมาจากการใช้ยา ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาต่อเนื่องจนถึงตั้งครรภ์แล้วประมาณ 10 สัปดาห์

ICSI กับ IVF ต่างกันอย่างไร?

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) / อิ๊กซี่ (ICSI) เป็นวิธีการปฏิสนธินอกร่างกาย โดยเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ

 

ความแตกต่างระหว่างการทำ IVF และ ICSI นั้น อยู่ที่ขั้นตอนการปฏิสนธิ โดยการทำ IVF ไข่และอสุจิหลายตัวจะถูกนำไปผสมในจานเพาะเลี้ยง ซึ่งอสุจิจะว่ายมาปฏิสนธิกับเซลล์ไข่เองตามธรรมชาติ ในขณะที่การทำ ICSI นั้น เป็นการใช้เข็มฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง ซึ่งวิธีการ ICSI นั้นอาจมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า และเหมาะกับฝ่ายชายที่มีสเปิร์มไม่แข็งแรงหรืออสุจิไม่สามารถเจาะเปลือกไข่เข้าไปเองได้เหมือนในวิธีการของ IVF เพราะฉะนั้นการทำ ICSI จึงมีอัตราความสำเร็จที่สูงกว่านั่นเอง

 

การทำ ICSI ใช้เวลานานเท่าไร?

โดยปกติ การทำอิ๊กซี่ (ICSI) หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่การตรวจประเมินร่างกายเพื่อหาสาเหตุของการมีบุตรยาก และจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นไข่โดยจะใช้เวลา 9-10 วัน เริ่มจากวันที่ 2 หรือ 3 ของการเป็นประจำเดือน จากนั้น หลังจากฉีดยาให้ไข่ตกภายใน 34-36 ชั่วโมง ก็จะเข้าสู่กระบวนการเก็บไข่ของคุณผู้หญิงและสเปิร์มของคุณผู้ชายภายในวันเดียวกันจากนั้นก็สามารถกลับบ้านได้

 

หลังจากแพทย์ทำการเก็บไข่และอสุจิเรียบร้อยจะเข้าสู่กระบวนการต่อไปนั่นคือการทำ ICSI และนักวิทย์ในห้องปฏิบัติการเลี้ยงตัวอ่อนจะทำการผสมไข่กับอสุจิหลังจากผสมแล้วนักวิทย์จะทำการเลี้ยงตัวอ่อนไปอีก 5 วัน และจะเข้าสู่กระบวนการสุดท้ายนั่นคือการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้ตัวอ่อนได้เจริญเติบโตต่อไป

 

Top med world เป็นแพลตฟอร์มทางการแพทย์ที่ดีที่สุดที่คัดสรรคลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยและทั่วโลกด้านศัลยกรรมตกแต่งและทันตกรรม อาทิ เช่น 

 

  1. Bumrungrad International Hospital โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

  2. Praram 9 Hospital โรงพยาบาล พระราม9

  3. Vibhavadi Hospital โรงพยาบาล วิภาวดี

  4. Bangkok Hospital โรงพยาบาล กรุงเทพ

  5. Thonburibamrungmuang โรงพยาบาล ธนบุรีบำรุงเมือง

หากท่านต้องการทราบข้อมูลทางบริษัท ทอปเมดเวิลด์ ได้นำเสนอ แพคเกจราคา โปรโมชั่นพิเศษ ศัลยกรรมหัตถการตัด IVF ท้องของโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำของประเทศไทยและทั่วโลก 

 

โปรดติดต่อเรา เพื่อการนัดหมาย พบแพทย์ หรือ ปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์

บทความที่เกี่ยวข้อง

วันที่ 13/04/2024

Medical tourism in Thailand

Thailand: Your Destination for World-Class Healthcare and Rejuvenation Discover why Thailand is a leading global hub for medical tourism, offering a unique blend of exceptional healthcare, affordability, and cultural richness. Whether you're seeking specialized treatments, cosmetic enhancements, or wellness programs, Thailand's hospitals and clinics deliver world-class care with a warm Thai touch.Why Choose Thailand for Medical Tourism? Globally Accredited Hospitals: Thailand boasts numerous hospitals and clinics accredited by international organizations like the Joint Commission International (JCI), ensuring adherence to the highest standards of quality and safety.Renowned Specialists: Thai doctors and surgeons are internationally trained and recognized for their expertise in various medical fields.Cutting-Edge Technology: Many Thai hospitals invest in the latest medical technology and equipment, rivaling those in Western countries.Cost-Effectiveness: Medical procedures in Thailand are often significantly more affordable than in the US, Europe, and Australia, offering substantial savings without compromising quality.Holistic Approach: Thai healthcare emphasizes a holistic approach to well-being, combining traditional Thai medicine with modern practices for comprehensive care.Cultural Richness and Hospitality: Enhance your medical journey with Thailand's rich culture, stunning landscapes, delicious cuisine, and warm hospitality.Top Med World: Your Trusted Partner in Medical Tourism Top Med World simplifies your medical journey to Thailand. We offer: Free Consultations: Connect with top specialists and get personalized treatment plans tailored to your needs.Transparent Pricing: Receive clear and detailed cost estimates with no hidden fees.Seamless Booking: Easily schedule appointments and let us handle the logistics, including visa assistance and travel arrangements.Dedicated Support: Our team provides round-the-clock assistance, ensuring your comfort and well-being throughout your stay in Thailand.Popular Medical Treatments in Thailand: Cosmetic Surgery: Facelifts, breast augmentation, rhinoplasty, liposuctionDental Care: Implants, veneers, crowns, teeth whiteningOrthopedic Surgery: Joint replacements, spine surgery, sports medicineFertility Treatments: IVF, egg freezingCardiovascular Procedures: Angioplasty, bypass surgery, heart valve replacementsCancer Treatments: Chemotherapy, radiation therapy, targeted therapiesWellness Programs: Detoxification, anti-aging therapiesExperience the Best of Medical Care and Thai Hospitality Whether you seek specialized medical treatment or want to enhance your well-being, Thailand offers a transformative experience. Top Med World is your gateway to world-class healthcare in a vibrant and culturally rich destination. Discover affordable, high-quality medical care in Thailand with Top Med World.  Book your free consultation today and experience the best of Thai hospitality while achieving your health goals.